การเป็นเจ้าของรถยนต์คันแรก ควรมีรายได้เท่าไหร่จึงจะไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันมากจนเกินไปนัก รถบ้านขอนแก่น มีคำตอบมาฝากกันครับ
ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาจบใหม่ หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน ก็อยากจะมีรถยนต์คันแรกเอาไว้ครอบครองสักคัน เพื่อช่วยให้การเดินทางไปทำงานสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งสำคัญของการซื้อรถก็คือรายได้ที่ต้องมีเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ และค่างวดในแต่ละเดือนจะต้องเหมาะสม ไม่สูงจนเกินไป มิเช่นนั้นอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ และแย่ที่สุดคือการผ่อนรถไม่ไหว ถูกไฟแนนซ์ยึดรถ เสียเครดิตจนยากที่จะทำธุรกรรมทางการเงินอื่นๆ อีก
ซื้อรถคันแรกควรมีเงินเดือนเท่าไหร่?
ตามปกติแล้วสถาบันการเงินหรือไฟแนนซ์จะคำนวณความสามารถในการผ่อนรถ ด้วยการนำค่างวดในแต่ละเดือนมาคูณด้วย 2 – 2.5 ก็จะได้เงินเดือนที่สามารถผ่อนชำระได้ ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ หากค่างวดตกเดือนละ 8,000 บาท ก็ควรมีรายได้ในแต่ละเดือนอย่างน้อย 16,000 – 20,000 บาทขึ้นไป จึงจะมีโอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อ
อย่างไรก็ดี รายได้ต่อเดือนเป็นเพียงส่วนหนึ่งในปัจจัยการพิจารณาเท่านั้น เพราะสถาบันการเงินหรือไฟแนนซ์ยังคำนึงถึงภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอเป็นประจำทุกเดือน เช่น ค่าผ่อนบ้าน, ค่าบัตรเครดิต, สินเชื่อเงินกู้ ฯลฯ รวมถึงประวัติการชำระสินเชื่อทั้งในอดีตและปัจจุบัน หากแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายสูง ก็จะทำให้โอกาสได้รับอนุมัติลดลง หรือได้รับวงเงินอนุมัติต่ำกว่าที่คาดไว้
หากไฟแนนซ์ไม่อนุมัติหรือได้วงเงินต่ำกว่าที่คาดไว้ต้องทำอย่างไร?
กรณีไม่ผ่านการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ หากไฟแนนซ์เห็นว่าคุณยังพอมีโอกาสเป็นลูกค้าได้แล้วล่ะก็ มักจะมีการเสนอแนวทางเพิ่มเติมเพื่อให้ได้รับการอนุมัติสินเชื่อ เช่น เพิ่มบุคคลค้ำประกัน เพิ่มเงินดาวน์ให้สูงขึ้น หรือยืดระยะเวลาผ่อนให้ยาวขึ้น จะช่วยให้ค่างวดในแต่ละเดือนลดลงกระทั่งผ่านเกณฑ์ที่ไฟแนนซ์กำหนดได้ แต่อย่าลืมว่าหากเลือกใช้วิธียืดระยะเวลาผ่อนแล้วล่ะก็ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะสูงขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน
ค่างวดไม่ใช่สิ่งเดียวที่ต้องจ่าย
สำหรับผู้ที่กำลังจะซื้อรถคันแรกต้องทราบด้วยว่า ค่างวดในแต่ละเดือนไม่ใช่ค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียวของการมีรถ เพราะยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น
- ค่าน้ำมัน – อย่างน้อย 3,000 บาทต่อเดือน
.ค่าเบี้ยประกันรถ – อย่างน้อย 15,000 บาทต่อปี (รถพิกัดเครื่องยนต์ 1.0 – 1.5 ลิตร และจะค่อยๆ ลดลงหากได้รับส่วนลดประวัติดี) - ค่าบำรุงรักษาตามระยะ – อย่างน้อย 2,000 บาท ทุก 10,000 กม. (กรณีต้องเปลี่ยนอะไหล่สำคัญอาจเพิ่มสูงขึ้นเป็นหลักหมื่นบาทต่อครั้ง)
- ค่าภาษี พ.ร.บ. – ประมาณ 1,700 – 2,000 บาทต่อปี
อีกทั้งเจ้าของรถยังมีค่าใช้จ่ายยิบย่อยอื่นๆ เช่น ค่าล้างรถ, ค่าที่จอดรถ, ค่าทางด่วน, ค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทางหรือท่องเที่ยว ซึ่งล้วนแต่เป็นค่าใช้จ่ายที่หลายคนมักคาดไม่ถึงก่อนจะมีรถสักคัน
เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว คุณก็ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนมีรถสักหนึ่งคัน เพราะหากคุณเลือกวิธีการซื้อเงินผ่อนแล้วล่ะก็ จะกลายเป็นภาระผูกพันไปอย่างน้อย 4-5 ปี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคุณได้อย่างหนักหนาสาหัสทีเดียวครับ