เทคนิคการปฏิบัติ หลังซื้อเครื่องยนต์จากเชียงกง
เป็นเทคนิคจำเป็นที่จะต้องนำไปปฏิบัติเพื่อให้ได้เครื่องยนต์ที่สมบูรณ์ที่ สุดต้องมีการปรับแต่งหรือปรับปรุง ไม่ใช่การซ่อมแซม เพื่อให้เครื่องยนต์ที่เลือกซื้อมามีประสิทธิภาพสูง และมีอายุการใช้งานยาวนานที่สุด
เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
เป็นสิ่ง แรกที่จำเป็นต้องปฏิบัติ เพราะไม่ทราบถึงอายุการใช้งานของน้ำมันเครื่องก่อนที ่เครื่องยนต์จะถูกส่งมา และไม่ทราบว่าเครื่องยนต์ตัวนั้นถูกวางกองไว้กี่วัน กี่เดือนแล้ว
โดย เฉพาะในต่างประเทศที่มีค่าครองชีพสูง อัตราค่าใช้จ่ายการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแต่ละครั ้งจะแพงมาก คนทั่วไปใช้น้ำมันเครื่องกันในระยะทางนับหมื่นกิโลเม ตร
เมื่อเครื่องยนต์ ตกมาเป็นกรรมสิทธิ์ของเราแล้ว จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องคุณภาพดี (ไม่ต้องใส่หัวเชื้อ)ก่อนนำไปใช้งานทุกครั้ง
เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง
ปฏิบัติ พร้อมไปกับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ควรใช้ไส้กรองของแท้ และเปลี่ยนครั้งเว้นครั้งในการถ่ายน้ำมันเครื่อง (กรณีใช้น้ำมันเครื่องแบบเดิมตลอด)
เปลี่ยนสายพานไดชาร์จสายพานแอร์
เมื่อ ไม่ทราบถึงอายุการใช้งานที่ผ่านมา จึงไม่อาจคาดเดาอายุการใช้งานที่เหลืออยู่ได้ ราคาสายพานเส้นละ 100-200 บาท คุ้มค่ากับการใช้งานอย่างมั่นใจ อย่าใช้สายตา
วิเคราะห์อายุการใช้งานของสายพานเส้นเก่า โดยเฉพาะสายพานแบบร่องวีในเครื่องยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่หาซื้อยาก ถ้าไปขาดกลางทางจะลำบากถ้าสายพานเก่าสภาพยังดีอยู่ เมื่อเปลี่ยนแล้ว ให้เก็บไว้เป็นอะไหล่ท้ายรถ
เปลี่ยนสายพานขับแคมชาฟท์ (สายพานไทม์มิง)
เพราะ ไม่ทราบถึงอายุการใช้งานที่ผ่านมา ตามปกติ สายพานไทม์มิงจะมีอายุการใช้งานประมาณ 50,000-100,000 กม. ถ้าคิดจะประหยัดในส่วนนี้ อาจจะต้องทิ้งทั้งบล็อก
เพราะเมื่อสายพานไทม์มิงขาด วาล์วจะชนกับลูกสูบจนเสียหาย
การเลือกเปลี่ยนสายพานของแท้แม้จะแพง แต่อายุการใช้งานกว่า 50,000 กม. นั้นคุ้มค่าและมั่นใจได้มากกว่า อาจจะต้องเปลี่ยนลูกรอกด้วย
เปลี่ยนหัวเทียน
จำ เป็นต้องเปลี่ยนเพื่อสมรรถนะของเครื่องยนต์ ถ้าเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้หัวเทียนขนาดธรรมดา ควรใช้หัวเทียนแพลททินัม ND W20 EX-ZU หัวละ 80-100 บาท แม้จะแพง
แต่ประสิทธิภาพสูง และทนทานหลายหมื่นกม.
ถ้า เครื่องยนต์ใช้หัวเทียนบล็อกเล็ก (ส่วนมากพวกทวินแคม 16 วาล์ว) เลือกใช้แบบธรรมดาก็ราคาหัวละ 70-90 บาทเข้าไปแล้ว ถ้าเป็นแพลททินัมจะแพงประมาณเกือบสอง
ร้อยบาทขึ้นไป ถ้าสู้ค่าใช้จ่ายไหวจะเลือกใช้ก็ดี เพราะทนทานและประสิทธิภาพสูง
เปลี่ยนเทอร์โมสตัท
ที่ เรียกกันว่า “วาล์วน้ำ” จำเป็นต้องใช้ ห้ามถอดออก เพื่อให้เครื่องยนต์ปรับตัวให้ร้อนได้รวดเร็ว เพราะเครื่องยนต์ที่อุณหภูมิต่ำเกินไปจะมีสมรรถนะต่ำ และการสึกหรอสูง
และ อย่าเข้าใจผิดว่าเทอร์โมทตัททำให้เครื่องร้อน เพราะเมื่อถึงอุณหภูมิที่ควบคุมหรือกำหนดไว้ เทอร์โมสตัท ก็จะเปิดให้น้ำผ่านได้ เปรียบเสมือนไม่มีเทอร์โมสตัท
เทอร์โมสตัทจะปิดการไหลเวียนของน้ำก็ต่อเมื่ออุณหภูม ิต่ำเกินไปเท่านั้น
เทอร์โม สตัทจะทำให้เครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท (ร้อนจัด) ก็ต่อเมื่อ “เสีย” คือ เมื่อถึงอุณหภูมิที่กำหนด เทอร์โมสตัทก็ไม่ยอมเปิด ทำให้น้ำในระบบระบายความร้อนไม่มีการไหล
เวียน
ในเมื่อเราไม่ทราบว่า เทอร์โมสตัทของเดิมเสียหรือไม่ (นอกจากนำไปต้มและใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิน้ำ ซึ่งเสียเวลา) จึงต้องเปลี่ยนตัวใหม่ จำเป็นต้องซื้อเทอร์โมสตัท ที่มีการควบคุมการเปิด-ปิดที่อุณหภูมิเดียวกัน โดยอ่านดูจากตัวเลขที่มีการปั๊มไว้
เปลี่ยนไส้กรองเบนซิน
ถ้าเป็นเครื่องยนต์ธรรมดาก็แค่ไม่กี่สิบบาท ถ้าเป็นเครื่องหัวฉีดก็ 400-800 บาท เน้นว่าจำเป็นต้องเปลี่ยน
เปลี่ยนผ้าคลัตช์
ถึง แม้ผ้าคลัตช์เดิมจะมีสภาพดีก็ต้องเปลี่ยน จะได้ไม่ต้องเสียค่ายกเกียร์-เปลี่ยนคลัตช์ไปอีกนาน โดยเลือกเปลี่ยนผ้าคลัตช์แพงเท่าที่กระเป๋าจะทนได้ใช ้ของแท้จะดีที่สุด
ถ้างบประมาณไม่พอให้นำแผ่นคลัตช์เก่าไปย้ำ (ค่าใช้จ่าย 200-400 บาท) พอใช้ได้ แต่สู้ของแท้ไม่ได้
หวีคลัตช์
ถ้ามีร่องรอยสึกหรอ หน้าสัมผัสไม่เรียบ ต้องเปลี่ยน หรือนำไปเจียรที่โรงกลึง
ฟลายวีล
ถ้ามีร่องรอยสึกหรอ หน้าสัมผัสไม่เรียบ ต้องส่งไปเจียรที่โรงกลึง
เปลี่ยนลูกปืนคลัตช์
ไหน ๆ ยกเครื่องออกมาแล้ว ถือโอกาสเปลี่ยนลูกปืนคลัตช์เลย สำหรับรถญี่ปุ่นก็ 150-300 บาท เท่านั้น รถยุโรปก็ไม่ค่อยเกิน 500 บาท
ท่อหรือสายน้ำมันเชื้อเพลิง
เพิ่มความมั่นใจที่จะไม่รั่วซึมอันเป็นต้นเหตุของเพล ิงไหม้ อย่าเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย
เปลี่ยนไส้กรองอากาศ
แท้หรือเทียมแล้วแต่กระเป๋าจะทนได้ แต่จำเป็นต้องเปลี่ยน
เปลี่ยนทองขาวและคอนเดนเซอร์
จำเป็นต้องเปลี่ยน ค่าใช้จ่าย 100-200 บาทเท่านั้น
ฝาจานจ่ายและหัวนกกระจอก
ถ้าจะไม่เปลี่ยนก็ต้องนำมาขูดตะกรันที่เป็นฉนวนไฟฟ้า
เปลี่ยนซีลข้อเหวี่ยงด้านหน้าและด้านท้าย
จะ ได้ไม่ต้องเสียเวลาและค่าแรง 2 ต่อ เพราะการเปลี่ยนซีลหลังข้อเหวี่ยง จะต้องเปลี่ยนหลังจากยกเกียร์ ยกคลัตช์ หรือถอดฟลายวีลเท่านั้น
เปลี่ยนยางแท่นเครื่องและยางแท่นเกียร์
ค่าใช้จ่ายไม่สูง แต่ใช้งานได้นาน
เปลี่ยนสายหัวเทียน
ป้องกันปัญหาการ “ขาดใน” จนเครื่องยนต์ทำงานไม่สมบูรณ์ ค่าใช้จ่าย 200-500 บาทเท่านั้น
เปลี่ยนปะเก็นฝาวาล์ว
เนื่องจากต้องตั้งวาล์วก่อนที่จะนำไปใช้งาน ควรเปลี่ยนปะเก็นฝาวาล์วไปพร้อมกันเลย เพราะราคาไม่แพง
ไขน๊อตยึดฝาสูบใหม่ทุกตัว
ข้อควรระวังตรงจุดนี้ก็คือ ต้องไขให้ได้ตามสเปคของเครื่องยนต์รุ่นนั้นๆ ปัองกันปัญหาน๊อตยึด
เปลี่ยนหรือไล่ไขเข็มขัดรัดท่อ-เปลี่ยนท่อยางหม้อน้ำ
ทั้งด้านบนและด้านล่าง
เปลี่ยนบู๊ชคันเกียร์
ถ้าซื้อเครื่องยนต์มาพร้อมเกียร์ ก็จำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะราคาไม่แพง
เปลี่ยนซีลเพลากลาง
ถ้าเครื่องยนต์ซื้อมาพร้อมเกียร์ ก็จำเป็นต้องเปลี่ยน
เปลี่ยนสวิตช์วัดแรงดันน้ำมันเครื่อง
ตัวละไม่เกิน 100 บาท
เปลี่ยนเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น
ต้อง เปลี่ยนให้ตรงรุ่นของเครื่องยนต์ เพื่อการวัดที่แม่นยำ กรณีเปลี่ยนเครื่องข้ามรุ่นหรือข้ามตระกูล ควรหาทางติดตั้งเซ็นเซอร์ดีกว่าตัวเก่า (ของเครื่องตัวเก่า)
กับเครื่องตัวใหม่ เพื่อไม่ให้ค่าที่แสดงบนหน้าปัดผิดพลาด
เปลี่ยนประเก็นท่อไอเสีย
ค่าใช้จ่ายไม่น่าเกิน 100-200 บาท
ลูกรอกสายพานแอร์
ถ้างบประมาณเหลือและใช้ระบบลูกรอกตั้งความตึงของสายพ าน ควรเปลี่ยนเพื่อความมั่นใจ ถ้าลองหมุนดูแล้วยังดีอยู่ อาจไม่ต้องเปลี่ยน
เช็คปั๊มฟรีใบพัดลมหม้อน้ำ(ถ้ามี)
ถ้าความหนืดน้อยกว่าปกติ ต้องอัดซิลิโคน 1-3 หลอดหรือเปลี่ยนใหม่ (ใช้แล้ว) ค่าใช้จ่าย 300-600 บาท
ใบพัดลม
ถ้า แตกหักหรือบิดเบี้ยว ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในขั้นตอนการขนส่ง ที่แออัดไปด้วยอะไหล่เต็มตู้คอนเทรนเนอร์ ตรวจเช็คดูถ้าแตกหักหรือบิดเบี้ยว ไม่ได้ศูนย์ก็ต้องเปลี่ยน