รถยนต์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีประกันภาคสมัครใจคุ้มครองอยู่ ส่วนใหญ่แล้วประกันภาคสมัครใจเหล่านี้จะต้องต่อแบบปีต่อปีผู้ขับขี่หลายคนก็ได้รับส่วนลดเบี้ยประกันในแต่ละปีหากมีประวัติการขับขี่ที่ดีแต่ในผู้ขับขี่บางกลุ่มก็เบี้ยประกันเท่าเดิมเพราะมีประวัติเคลม ทำให้ไม่ได้รับส่วนลดในการจ่ายเบี้ยประกันในปีต่อไป และมีผู้ขับขี่จำนวนไม่น้อย ที่รู้สึกว่าไม่ค่อยได้รับบริการที่ดีจากบริษัทประกันภัยภาคสมัครใจที่ใช้อยู่ซักเท่าไหร่ จึงเกิดความสงสัยว่าหากต้องการต่อประกันรถจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องต่อกับบริษัทประกันเดิม
ได้รับบริการไม่ดี เปลี่ยนบริษัทต่อประกันรถยนต์ได้มั้ย?
ได้ครับ เพราะถ้าว่ากันตามจริงการทำประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ ผู้เอาประกันสามารถเลือกที่จะซื้อประกันของบริษัทใดก็ได้ เพราะชื่อประกันก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าภาคสมัครใจ จึงไม่มีการบังคับว่าผู้เอาประกันจะจำเป็นต้องต่อประกันกับบริษัทเดิมไปตลอดหรือจะใช้ประกันประเภทเดียวไปตลอดหากใช้ ประกันประเภท 1 อยู่แต่ค่าใช้จ่ายในส่วนของเบี้ยอาจจะเกินที่จะจ่ายได้ ก็สามารถเปลี่ยนมาใช้ประกันประเภทอื่น ๆ ที่ไม่เกินกำลังที่จะจ่ายในแต่ละปี
อยากเปลี่ยนบริษัทประกันรถยนต์ ต้องทำอย่างไรบ้าง?
ในการเปลี่ยนบริษัทประกันภัยรถยนต์เพื่อต่อประกันรถ ผู้ครอบครองรถยนต์จำเป็นต้องนำรถเข้าไปให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทประกัน ตรวจสภาพรถยนต์ หรือในบางบริษัทจะส่งพนักงานมาทำการเช็คสภาพรถยนต์ของเราก่อนอีกทั้งบริษัทประกันเหล่านี้จะเช็คประวัติการขับขี่ของเราจากบริษัทประกันเดิม เพื่อที่จะได้รู้ถึงสาเหตุที่ต้องการเปลี่ยนประกันอีกทั้งเพื่อสำรวจพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ครอบครองรถ ช่วยให้ง่ายต่อการแนะนำประกันที่เหมาะสมให้แก่ผู้ขับขี่แต่ละบุคคล
เปลี่ยนบริษัทประกันรถยนต์ให้เหมาะสมกับทุนประกันก็ได้นะ
เพราะทุนประกันของประกันรถยนต์แต่ละประเภทค่อนข้างมีความแตกต่างกัน อีกทั้งอายุการใช้งานรถยนต์ อายุผู้ทำประกัน และราคาของรถยนต์ ต่างมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุนและเบี้ยประกันทั้งหมดหากในบริษัทประกันเก่าที่เคยทำประกันอยู่เคยมีเบี้ยอยู่ในระดับหนึ่ง แต่เมื่อมาต่อประกันรถกับบริษัทอื่น ๆ เบี้ยประกันอาจจะลดน้อยลง เพราะด้วยอายุรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งอาจจะเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการขับขี่ที่ดีของผู้ครอบครองรถยนต์ด้วย
ดังนั้น จึงสรุปได้แบบง่าย ๆ เลยว่าหากบริษัทประกันที่ใช้คุ้มครองรถยนต์ของเรานั้น มีบริการที่ดีและผู้เอาประกันก็มีประวัติที่ดีในการขับขี่ ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ประกันของบริษัทอื่น ๆ เพราะจะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันอยู่เสมอแต่หากประกันภัยรถยนต์ที่ใช้อยู่บริการไม่ดีและมีข้อผิดพลาดอะไรที่เกิดขึ้นมาจนไม่อยากที่จะใช้บริการต่อไปแล้ว ก็สามารถเลือกต่อประกันรถยกับบริษัทอื่น ๆ ได้ตามความต้องการของผู้ครอบครองรถยนต์
แต่ควรทำการ เปรียบเทียบเรื่องเบี้ยประกัน และความคุ้มครองของหลายบริษัทประกันเอาไว้ก่อน และจึงค่อยตัดสินใจเลือกใช้ประกันที่คิดว่าเหมาะสมกับการขับขี่และรถยนต์ของเรามากที่สุด